โดยเป็นผลงานจากค่าย Klei Entertainment ไม่คุ้นใช่ไหม มันก็คือค่ายที่สร้าง Shank และ Shank 2 ขึ้นมานั่งแหละครับ แต่ระหว่าง Mark of the Ninja กับ Shank นั้นแทบจะเรียกว่าแตกต่างกันแบบโคตรเง่าศักราชเลยก็ว่าได้ หากคุณเป็นคนชอบแนวลุยแบบไม่ต้องคิด ระเบิดภูเขาเผากระท่อม เห็นเลือดและศพเต็มจอ เกม Shank คือคำตอบ แต่ถ้าคุณชอบการวางแผนยุทธวิธีในการสังหารศัตรูแบบหลากหลาย ชอบจัดการศัตรูแบบเงียบๆ และชอบ นินจา! เกม Mark of the Ninja คือคำตอบครับ
ในเกม Mark of the Ninja นั้นชื่อก็บอกอยู่แล้วล่ะว่าเป็นธีมของนินจา โอ๊ะ สำหรับคนกลัวสปอยล์ผมไม่สปอยล์แน่นอนครับอ่านแบบสบายใจได้ เราได้รับบทบาทนินจาคนหนึ่ง อยากจะบอกชื่อแต่บังเอิญว่าลืมไปแล้ว ฮา จู่ๆก็มีองค์กรหนึ่งมาจัดการกับที่หลบซ่อนของนินจาทำให้เราต้องลุกขึ้นมาล้างแค้นและก็เป็นคำสั่งของอาจารย์เรา อย่างกับหนัง Ninja Assassin แน่ะ รูปแบบการเล่นของเกมนั้นถูกออกแบบมาให้สำหรับการลอบสังหารโดยเฉพาะและสำหรับขาบู๊งานนี้ไม่มีให้บู๊แน่นอนครับอยู่ในเงาทั้งเกม คงถูกใจเกมเมอร์ที่รักการ Stealth Kill เป็นชีวิตจิตใจ บวกกับการลอบสังหารที่ทำได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการลอบแทงจากข้างหลัง การห้อยหัวลงมาแล้วใช้โซ่รัดขอให้ศพไปห้อยอยู่บนเสาไฟฟ้า และอื่นๆอีกมากมายที่ทำให้เราไม่เบื่อกับการเล่นเกมเลยล่ะครับ
ในเรื่องของเกมเพลย์อันนี้ผมบูชาเลยล่ะ การเล่นภายในเกมนั้นเราจะไม่สามารถจัดการศัตรูในลักษณะที่เจอกันจังๆได้เลย นอกจากเสียว่าเราจะชกศัตรูจนล้มลงไปกับพื้นได้ถึงจะสามารถสังหารได้ น่าแปลกเหมือนกันที่ตอบต่อยกับศัตรูเราไม่สามารถใช้ดาบได้เลย ดูเหมือนว่าทางผู้พัฒนาต้องการให้เราลอบสังหารอย่างเดียวเลยล่ะครับ การลอบสังหารนั้นสามารถทำได้หลายรูปแบบ เราสามารถที่จะสนุกไปกับลูกเล่นตรงนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการลอบสังหารจากด้านหลัง ลอบสังหารจากด้านล่างของช่องแอร์(ขออนุญาติเรียกแบบนี้นะ) ห้อยหัวลงมาจากเสาไฟฟ้าเพื่อสังหาร แอบอยู่หลังประตู หรือวัตถุภายในเกมจากนั้นรอศัตรูเดินผ่านก็สังหารได้ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่การใช้ดาบในการสังหาร แต่ในเกมยังสามารถสังหารศัตรูในรูปแบบอื่นๆได้มากมายเช่นการใช้กับดัก หรือแม้แต่การทำให้ศัตรูตกใจกลัวสติแตกแล้วยิงพวกเดียวกันเองก็สามารถทำได้ หรือแม้กระทั่งใช้ประโยชน์จากสภาวะแวดล้อมภายในเกมเพื่อสังหารศัตรูเช่นกันสอยโคมไฟระย้าให้ตกใส่กระบาลศัตรูก็สามารถทำได้เช่นกัน
มาถึงเรื่องกราฟฟิค ภายในเกมนั้นเสนอในรูปแบบภาพแบบ 2 มิติ ในแบบ Side-scrolling ไม่ต่างจากเกม Shank รวมไปถึงเอนจิ้นของเกมก็ใช้แบบเดียวกัน เพียงแต่เกม Mark of the Ninja นั้นต้องบอกว่าเป็นอะไรที่มืดเอามากๆ ในกรณีตอนเล่นเกมที่ไม่มีแสงไฟตามเสาไฟฟ้า เราจะเห็นตัวเรามืดสนิทแต่สามารถเห็นเส้นขอบของตัวเราได้ลางๆเท่านั้น แต่ก็สามารถปรับความสว่างภายในเกมได้ครับ เรื่องของออฟชั่นกราฟฟิคนั้นก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เพราะเนื่องจากตัวเกมเป็น 2 มิติ อยู่แล้ว ส่วนเรื่องการควบคุมภายในเกม อันนี้ต้องบอกก่อนนะครับว่าผมใช้ Joy Controller ในการเล่น ซึ่งสามารถเล่นเกมได้สนุกและไม่รู้สึกว่าการบังคับนั้นยากอะไรทุกปุ่มถูกออกแบบมาได้ลงตัว แต่ขอตินิดหนึ่งเรื่องในกรณีตอนล็อคเป้าหมายในการปา ชูริเคน (อาวุธลับของนินจา) ซึ่งในกรณีที่เป้าหมายอยู่ในแนวขนานเดียวกัน เช่น หลอดไฟสองดวง การล็อคเป้าหมายในหลอดไฟดวงถัดไปจะทำได้ยากมากครับ แต่โดยรวมแล้วไม่ได้ทำให้การเล่นนั้นเสียรสชาติไปเลยแม้แต่น้อย
เรื่องเสียงของเกม Mark of the Ninja นี่คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากในเรื่องของเพลงประกอบตอนเล่นซึ่งจะออกแนวดนตรีญี่ปุ่นโบราณแบบเสียงเงียบๆ ฟังไปนานๆอาจจะมีหลับเพราะมันไม่ค่อยตื่นเต้นอะไรนั่นแหละ แต่ในกรณีที่ศัตรูรู้ตัวหรือมีสถานการณ์คับขันเสียงเพลงก็จะเปลี่ยนไปเป็นอีกแนวโดยอัตโนมัติ เรื่องเสียงดนตรีประกอบก็ไม่ได้ถือว่าแย่อะไรแต่ก็ไม่ได้ออกมาดีโด่จนน่าจดจำ ต่อมาเรื่องเสียงพากย์ตัวละคร อยากจะถามทางผู้พัฒนา นี่มันทีมพากย์เดียวกับเกม Shank เลยหรืออย่างไร บทสนทนาของตัวละครสำหรับผมแล้วดูจืดไปหน่อยนะ และเสียงศัตรูภายในเกมที่ค่อนข้างจะซ้ำซากแบบพากย์ตามมันก็ยังได้อะไรประมาณนี้
สรุปแล้วสำหรับเกม Mark of the Ninja หลายคนอาจจะเกิดคำถามว่าคุ้มค่าไหม สำหรับผมแล้วต้องบอกว่าคุ้มทุกบาททุกสตางค์ที่ซื้อมาครับ เกมจะได้ความสนุกในสไตล์นินจาแท้ๆ ที่ไม่สามารถหาได้ในเกมนินจาเกมอื่นอย่าง Ninja Gaiden , Ninja Blade ไล่สับขนาดนั้นมันใช่นินจาจริงป่ะเนี่ยะ ก็คือเกม Mark of the Ninja จะอยู่ในพื้นฐานของความสมจริงที่สุดเท่าที่จะจริงได้ในความเป็นนินจา แต่สำหรับใครที่โหยหาความเป็นแอ็คชั่น แนะนำว่าให้ไปหาเกมอื่นเล่นแทนดีกว่าครับ ตอนนี้เกมมีราคาอยู่ที่ 14.99 เหรียญ บน Steam และคาดว่าเทศกาล X’mas นี้ Steam น่าจะลดราคาแน่นอน
จุดเด่น
– เกมมีความท้าทายสามารถพลิกแพลงการเล่นได้หลากหลายรูปแบบ– มีความดึงดูดในการนำเกมกลับมาเล่นใหม่อีกรอบ
– เกมเพลย์ได้อารมณ์ความเป็นนินจาที่สุดในเกมแนวนี้
– ด้วยราคา 14.99 เหรียญ ใช้เวลาเล่นตั้งแต่เริ่มจนเคลียร์ประมาณ 12 ชั่วโมง คุ้มนะ
จุดด้อย
– AI มีบัคเล็กน้อย
– รูปแบบศัตรูซ้ำกันเกินไป
– AI น่าจะฉลาดกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในเกมแย่นะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น